22. ว่านแสงอาทิตย์ Scadoxus multiflorus
ว่านแสงอาทิตย์ Scadoxus multiflorus (formerly Haemanthus multiflorus)
คำว่า ว่านกุมารทอง น่าจะมาจากหัว และลำต้นมีจุดสีแดงม่วงแต้มเป็นจุดๆ โดยหัวอ่อนที่ใบร่วงหมดแล้วจะแลดูคล้ายเด็กนั่งแท่น (ราก) ที่ไว้ผมจุก ส่วนคำว่า ว่านแสงอาทิตย์ น่าจะมาจากดอกที่มีลักษณะทรงกลม และมีสีแดง คล้ายดวงอาทิตย์ ส่วนชื่อสามัญ (ชื่ออังกฤษ) ของคำว่า Blood lily และ Blood flower จะมาจากดอกที่มีสีแดงเลือด ทั้งนี้ คำว่า ว่านแสงอาทิตย์ จะไปตรงกับว่านอีกชนิดหนึ่งซึ่งใช้คำเรียกว่า ว่านแสงอาทิตย์ เหมือนกัน แต่มีลักษณะลำต้นที่แตกต่างกัน
• ตระกูล : Amaryllidaceae
• ชื่อวิทยาศาสตร์ : Haemanthus multiflorus Martyn.
• ชื่อสามัญ :
– Blood lily
– Blood flower
– Paint brush
• ชื่อวิทยาศาสตร์ : Haemanthus multiflorus Martyn.
• ชื่อสามัญ :
– Blood lily
– Blood flower
– Paint brush
• ชื่อท้องถิ่นไทย :
– ว่านกุมารทอง
– ว่านแสงอาทิตย์
– พู่จอมพล
– ว่านตะกร้อ (ดอกมีรูปทรงกลม)
ว่านกุมารทอง/ว่านแสงอาทิตย์ (Blood lily) เป็นพืชดั้งเดิมที่พบในแถบแอฟริกา และประเทศเขตร้อนในเอเชีย รวมถึงประเทศไทย มีจำนวนโครโมโซมเท่ากับ 2n=18 จัดเป็นไม้ดอกไม้ประดับที่ใช้ปลูกประดับต้น และดอก และที่สำคัญเป็นไม้มงคลที่นิยมปลูก โดยจัดเป็นว่านคุ้มภัย และว่านมหานิยม ตามความเชื่อที่ว่า ว่านนี้เป็นว่านของกุมารทองหรือมีกุมารทองสิงสถิตอยู่ที่จะช่วยเฝ้าบ้าน ช่วยคุ้มครองผู้ปลูก และคนในครอบครัวจากภัยอันตรายต่างๆ รวมถึงช่วยให้ทำมาค้าขายร่ำรวยยิ่งขึ้น– ว่านกุมารทอง
– ว่านแสงอาทิตย์
– พู่จอมพล
– ว่านตะกร้อ (ดอกมีรูปทรงกลม)
คำว่า ว่านกุมารทอง น่าจะมาจากหัว และลำต้นมีจุดสีแดงม่วงแต้มเป็นจุดๆ โดยหัวอ่อนที่ใบร่วงหมดแล้วจะแลดูคล้ายเด็กนั่งแท่น (ราก) ที่ไว้ผมจุก ส่วนคำว่า ว่านแสงอาทิตย์ น่าจะมาจากดอกที่มีลักษณะทรงกลม และมีสีแดง คล้ายดวงอาทิตย์ ส่วนชื่อสามัญ (ชื่ออังกฤษ) ของคำว่า Blood lily และ Blood flower จะมาจากดอกที่มีสีแดงเลือด ทั้งนี้ คำว่า ว่านแสงอาทิตย์ จะไปตรงกับว่านอีกชนิดหนึ่งซึ่งใช้คำเรียกว่า ว่านแสงอาทิตย์ เหมือนกัน แต่มีลักษณะลำต้นที่แตกต่างกัน
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ราก และลำต้น
ลำต้นแท้ของว่านกุมารทอง/ว่านแสงอาทิตย์ มี 2 ส่วน คือ ส่วนที่อยู่ใต้ดินหรือส่วนหัว ประกอบด้วยกาบใบหุ้มซ้อนกันแน่นเป็นทรงกลม มีเปลือกด้านนอกมีสีเข้ม และมีจุดประสีแดงม่วงกระจายทั่วหัว หัวแก่ที่ใบร่วงหมด หากขุดขึ้นมาพร้อมรากจะมีลักษณะคล้ายกุมารที่มัดผมจุกนั่งบนแท่นนั่งที่เป็นราก ส่วนหัวนี้ เมื่ออายุมากจะเกิดหัวใหม่ขนาดเล็กออกมาได้ ซึ่งจะเติบโตเป็นต้นใหม่สำหรับการแยกปลูก
ราก และลำต้น
ลำต้นแท้ของว่านกุมารทอง/ว่านแสงอาทิตย์ มี 2 ส่วน คือ ส่วนที่อยู่ใต้ดินหรือส่วนหัว ประกอบด้วยกาบใบหุ้มซ้อนกันแน่นเป็นทรงกลม มีเปลือกด้านนอกมีสีเข้ม และมีจุดประสีแดงม่วงกระจายทั่วหัว หัวแก่ที่ใบร่วงหมด หากขุดขึ้นมาพร้อมรากจะมีลักษณะคล้ายกุมารที่มัดผมจุกนั่งบนแท่นนั่งที่เป็นราก ส่วนหัวนี้ เมื่ออายุมากจะเกิดหัวใหม่ขนาดเล็กออกมาได้ ซึ่งจะเติบโตเป็นต้นใหม่สำหรับการแยกปลูก
ลำต้นแท้ส่วนที่ 2 จะเป็นลำต้นเหนือดินที่แทงขึ้นมาจากส่วนหัวที่มีใบแตกออกด้านข้าง เรียงวนสลับข้างในทั้งสี่ด้าน โดยส่วนโคนต้นจะจุดประสีม่วงแดงกระจายทั่ว โดยลำต้น และใบนี้จะแทงออกหลังจากที่ก้านดอกแทงขึ้นแล้ว ซึ่งจะออกในช่วงต้นฤดูฝนหลังประมาณเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ส่วนระบบรากว่านกุมารทอง/ว่านแสงอาทิตย์ จะมีระบบรากเป็นรากฝอยมีลักษณะเป็นเส้นกลมขนาดเล็กแทงออกจากฐานหัว
ใบ
ใบกุมารทอง/ว่านแสงอาทิตย์ เป็นเป็นใบเดี่ยว ประกอบด้วยก้านใบ และแผ่นใบ ออกสลับข้างในทั้งสี่ด้าน แผ่นใบมีลักษณะเรียบ และเป็นลูกคลื่น ขอบใบเรียบไม่มีรอยหยัก แผ่นใบมีสีเขียวสดสวยงาม มีเส้นกลางใบขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้ชัดเจน ตัวใบจะยาวประมาณ 20-30 ซม. กว้างประมาณ 5-10 ซม. ส่วนของลำต้นแท้เหนือดิน และใบจะมีความสูงประมาณ 40-60 ซม. แต่ละต้นจะมีใบประมาณ 4-7 ใบ/ต้น
ใบกุมารทอง/ว่านแสงอาทิตย์ เป็นเป็นใบเดี่ยว ประกอบด้วยก้านใบ และแผ่นใบ ออกสลับข้างในทั้งสี่ด้าน แผ่นใบมีลักษณะเรียบ และเป็นลูกคลื่น ขอบใบเรียบไม่มีรอยหยัก แผ่นใบมีสีเขียวสดสวยงาม มีเส้นกลางใบขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้ชัดเจน ตัวใบจะยาวประมาณ 20-30 ซม. กว้างประมาณ 5-10 ซม. ส่วนของลำต้นแท้เหนือดิน และใบจะมีความสูงประมาณ 40-60 ซม. แต่ละต้นจะมีใบประมาณ 4-7 ใบ/ต้น
ขอบคุณภาพจาก www.nanagarden.com
ดอก
ดอกกุมารทอง/ว่านแสงอาทิตย์ แทงออกเป็นช่อ ซึ่งจะแทงขึ้นมาก่อนใบ ประกอบด้วยก้านช่อดอกมีลักษณะเป็นทรงกลมสีเขียว โคนก้านใหญ่ และมีจุดประสีม่วงแดง และจะเรียวแหลมที่ส่วนปลาย โคนก้านมีขนาด 2-3 ซม. ส่วนปลายก้านยาว 1-1.5 ซม. โดยก้านช่อดอกจะมีความยาวประมาณ 30-75 ซม. ถัดมาส่วนปลาสุดจะเป็นช่อดอกที่มีลักษณะเป็นทรงกลม ขนาดประมาณ 10-20 ซม. ที่ประกอบด้วยดอกจำนวนมาก จำนวน 100-115 ดอก ตัวดอกประกอบด้วยกลีบดอกสีแดง จำนวน 6 กลีบ โดยมีเกสรตัวผู้ที่มีก้านเกสรสีแดง 6 อัน มีอับละอองเกสรสีเหลือง ส่วนเกสรตัวมีมีก้านชูเกสร 1 อัน สีแดง ด้านล่างสุดเป็นรังไข่ที่มี 3 ช่อง แต่ละช่องเจริญมาเป็นเมล็ด 3 เมล็ด
ดอกกุมารทอง/ว่านแสงอาทิตย์ แทงออกเป็นช่อ ซึ่งจะแทงขึ้นมาก่อนใบ ประกอบด้วยก้านช่อดอกมีลักษณะเป็นทรงกลมสีเขียว โคนก้านใหญ่ และมีจุดประสีม่วงแดง และจะเรียวแหลมที่ส่วนปลาย โคนก้านมีขนาด 2-3 ซม. ส่วนปลายก้านยาว 1-1.5 ซม. โดยก้านช่อดอกจะมีความยาวประมาณ 30-75 ซม. ถัดมาส่วนปลาสุดจะเป็นช่อดอกที่มีลักษณะเป็นทรงกลม ขนาดประมาณ 10-20 ซม. ที่ประกอบด้วยดอกจำนวนมาก จำนวน 100-115 ดอก ตัวดอกประกอบด้วยกลีบดอกสีแดง จำนวน 6 กลีบ โดยมีเกสรตัวผู้ที่มีก้านเกสรสีแดง 6 อัน มีอับละอองเกสรสีเหลือง ส่วนเกสรตัวมีมีก้านชูเกสร 1 อัน สีแดง ด้านล่างสุดเป็นรังไข่ที่มี 3 ช่อง แต่ละช่องเจริญมาเป็นเมล็ด 3 เมล็ด
ดอกกุมารทอง/ว่านแสงอาทิตย์ จะบานอยู่ได้นาน 7-10 วัน ดอกด้านนอกจะบานก่อนดอกด้านใน และเมื่อดอกบานจะไม่มีกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ชนิดอื่น โดยก้านดอกจะแทงออกในช่วงต้นฤดูฝนที่ฝนเริ่มตกแล้ว 2-3 ครั้ง ประมาณช่วงเดือนพฤษภาคม
ผล
ผลมีลักษณะกลมเกลี้ยง ขนาด 0.2-0.5 ซม. ผลดิบมีสีเขียว ผลสุกมีสีแดงส้ม ภายในผลมีประมาณ 3 เมล็ด แต่มักเจริญ และงอกติดเพียงเมล็ดเดียว
ผลมีลักษณะกลมเกลี้ยง ขนาด 0.2-0.5 ซม. ผลดิบมีสีเขียว ผลสุกมีสีแดงส้ม ภายในผลมีประมาณ 3 เมล็ด แต่มักเจริญ และงอกติดเพียงเมล็ดเดียว
ประโยชน์กุมารทอง/ว่านแสงอาทิตย์
1. กุมารทอง/ว่านแสงอาทิตย์ นิยมปลูกเป็นว่านมงคล ตามความเชื่อที่ว่า เป็นว่านของกุมารทองหรือมีกุมารทองสิงสถิตอยู่ ซึ่งกุมารทองจะช่วยเฝ้าบ้าน และช่วยคุ้มครองภัยแก่ผู้ปลูก และคนในครอบครัว และหากทำมาค้าขายก็จะคอยช่วยให้มาคนเข้าร้านมากขึ้น จึงนิยมปลูกร่วมกับว่านมหาลาภ และว่านนางคุ้มหรือว่านผู้เฒ่าเฝ้าบ้าน และหากปลูกจนออกดอกเมื่อไหร่ ผู้ปลูกหรือคนในบ้านก็จะมีโชคลาภตามมาเมื่อนั้น
2. ดอก นิยมนำมาผสมกับน้ำมันหอมระเหยของสมุนไพร สำหรับใช้ทานวดลำตัวเพื่อช่วย และบรรเทาอาการเมื่อยล้า รวมถึง ความเชื่อที่ว่าช่วยให้มีความคงกระพัน มีอายุยืนยาว
3. ดอกนำมาบดใช้ผสมกับเครื่องรางของขลัง
4. ใช้ปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับ เนื่องจากใบมีสีเขียวสด และดอกมีสีแดงเป็นทรงกลมสวยงาม ทั้งการปลูกในกระถาง และการปลูกลงแปลงจัดสวน
5. ปลูกเพื่อการจำหน่ายหัวพันธุ์สำหรับสร้างรายได้
1. กุมารทอง/ว่านแสงอาทิตย์ นิยมปลูกเป็นว่านมงคล ตามความเชื่อที่ว่า เป็นว่านของกุมารทองหรือมีกุมารทองสิงสถิตอยู่ ซึ่งกุมารทองจะช่วยเฝ้าบ้าน และช่วยคุ้มครองภัยแก่ผู้ปลูก และคนในครอบครัว และหากทำมาค้าขายก็จะคอยช่วยให้มาคนเข้าร้านมากขึ้น จึงนิยมปลูกร่วมกับว่านมหาลาภ และว่านนางคุ้มหรือว่านผู้เฒ่าเฝ้าบ้าน และหากปลูกจนออกดอกเมื่อไหร่ ผู้ปลูกหรือคนในบ้านก็จะมีโชคลาภตามมาเมื่อนั้น
2. ดอก นิยมนำมาผสมกับน้ำมันหอมระเหยของสมุนไพร สำหรับใช้ทานวดลำตัวเพื่อช่วย และบรรเทาอาการเมื่อยล้า รวมถึง ความเชื่อที่ว่าช่วยให้มีความคงกระพัน มีอายุยืนยาว
3. ดอกนำมาบดใช้ผสมกับเครื่องรางของขลัง
4. ใช้ปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับ เนื่องจากใบมีสีเขียวสด และดอกมีสีแดงเป็นทรงกลมสวยงาม ทั้งการปลูกในกระถาง และการปลูกลงแปลงจัดสวน
5. ปลูกเพื่อการจำหน่ายหัวพันธุ์สำหรับสร้างรายได้
ข้อควรระวัง
ว่านนี้ในส่วนของลำต้น ใบ ดอกจะมียางพิษ ห้ามนำมารับประทานอย่างเด็ดขาด
ว่านนี้ในส่วนของลำต้น ใบ ดอกจะมียางพิษ ห้ามนำมารับประทานอย่างเด็ดขาด
การปลูกกุมารทอง/ว่านแสงอาทิตย์
การปลูกกุมารทอง/ว่านแสงอาทิตย์ เป็นพืชที่เติบโตได้ดีในทุกสภาพดิน และเป็นพืชที่เติบโตได้ดีทั้งบริเวณกลางแจ้ง และแสงรำไร
การปลูกกุมารทอง/ว่านแสงอาทิตย์ เป็นพืชที่เติบโตได้ดีในทุกสภาพดิน และเป็นพืชที่เติบโตได้ดีทั้งบริเวณกลางแจ้ง และแสงรำไร
การปลูกกุมารทอง/ว่านแสงอาทิตย์ สามารถปลูกได้ด้วยเมล็ด และปลูกจากการแยกหัวใหม่ออกปลูก รวมถึงใช้วิธีการผ่าหัวเป็นซีกๆ แล้วนำไปปักชำในกระถางเพาะ แล้วค่อยแยกปลูก คล้ายกับการชำหัวว่านสี่ทิศ
เพิ่มเติมจาก : รังว่านปากช่อง, (2524)(1)
เอกสารอ้างอิง
1. รังว่านปากช่อง, 2524. สำนักหอสมุดกลาง. กรุงเทพฯ.
1. รังว่านปากช่อง, 2524. สำนักหอสมุดกลาง. กรุงเทพฯ.
ที่มา : http://puechkaset.com/%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87/
http://tigerslament.blogspot.com/2010/08/blog-post_6325.html
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น