34. กระดุมทองเลื้อย Wedelia trilobata (L.) A.S. Hitchcock
กระดุมทองเลื้อย Wedelia trilobata (L.) A.S. Hitchcock
กระดุมทองเลื้อย หรือ เบญจมาศเครือ เป็นพืชอายุข้ามปีในวงศ์ทานตะวันที่นิยมปลูกเพื่อเป็นไม้ดอกไม้ประดับเป็นหลัก นอกจากนั้น ส่วนดอก และลำต้นยังสามารถใช้เป็นสมุนไพรหรือใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ อาทิ สีผสมอาหาร และสีย้อมผ้า เป็นต้น
ชื่อสามัญ : Creeping daisy, Singapore daisy, Trailing daisy, Creeping ox-eye, Climbing wedelia, Rabbits paw ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ราก และลำต้น กระดุมทองเลื้อย ประเภทใบเลี้ยงคู่ ลำต้นมีขน และแตกกิ่งทอดราบไปกับพื้นดิน กิ่งมีข้อเป็นที่แตกออกของใบ ส่วนยอดจะชูสูงอยู่ด้านบน หากพื้นที่กว้าง และรอบข้างด้านใดไม่มีพืชอื่นจะแผ่ราบขนานกับพื้น แต่หากพื้นที่แคบ ลำต้นขึ้นแข่งกันหรือมีพืชอื่น ลำต้นจะยืดตัวสูงขึ้น รากมีลักษณะเป็นรากฝอย ความลึกรากประมาณ 30 ซม. และสามารถแตกรากตามข้อที่สัมผัสดินได้ ใบ ใบ เป็นใบเดี่ยว แทงออกบริเวณข้อ มี 2 ใบ อยู่คนละข้างกัน ใบมีสีเขียวสด ใบแก่มีสีเขียวเข้ม เป็นมัน มีขนหยาบปกคลุม เมื่อจับจะรู้สึกสากมือ ก้านใบสั้นจนแทบมองไม่เห็น ขอบใบหยักเป็นคลื่น มี 3 แฉก ใบกว้างประมาณ 2.5 ซม. ยาวประมาณ 5.5 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน ดอก ดอกแทงออกบนซอกใบ ออกมากบริเวณปลายยอด ดอกออกเป็นช่อ มีสีเหลือง มีก้านช่อดอกยาว 4-6 ซม. มีกลีบดอกสีเหลือง เรียงซ้อนสลับกัน 2 ชั้น ชั้นละ 4-5 ใบ กลีบดอกแต่ละกลีบยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ปลายกลีบดอกเว้าเป็น 3 แฉก ถัดไปจะเป็นส่วนดอกที่รวมกันเป็นกระจุก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร ประกอบด้วยดอก 2 ชั้น มีลักษณะเป็นหลอด ชั้นแรก เป็นดอกวงนอกของดอกเพศเมีย มีขนาดใหญ่ ประมาณ 8-10 ดอก ส่วนชั้นในเป็นดอกสมบูรณ์เพศ มีจำนวนมาก และมีขนาดเล็กกว่าดอกเพศเมียวงนอก รวมกลีบดอก และดอกแล้วมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 เซนติเมตร เมล็ด เมล็ดมีขนาดเล็ก กระจุกตัวตรงกลางดอก เมล็ดแก่มีสีดำ เป็นมัน มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยม ปลายแหลม ยาวประมาณ 4 มิลลิเมตร
กระดุมทองเลื้อย หรือ เบญจมาศเครือ เป็นพืชอายุข้ามปีในวงศ์ทานตะวันที่นิยมปลูกเพื่อเป็นไม้ดอกไม้ประดับเป็นหลัก นอกจากนั้น ส่วนดอก และลำต้นยังสามารถใช้เป็นสมุนไพรหรือใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ อาทิ สีผสมอาหาร และสีย้อมผ้า เป็นต้น
ชื่อสามัญ : Creeping daisy, Singapore daisy, Trailing daisy, Creeping ox-eye, Climbing wedelia, Rabbits paw ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ราก และลำต้น กระดุมทองเลื้อย ประเภทใบเลี้ยงคู่ ลำต้นมีขน และแตกกิ่งทอดราบไปกับพื้นดิน กิ่งมีข้อเป็นที่แตกออกของใบ ส่วนยอดจะชูสูงอยู่ด้านบน หากพื้นที่กว้าง และรอบข้างด้านใดไม่มีพืชอื่นจะแผ่ราบขนานกับพื้น แต่หากพื้นที่แคบ ลำต้นขึ้นแข่งกันหรือมีพืชอื่น ลำต้นจะยืดตัวสูงขึ้น รากมีลักษณะเป็นรากฝอย ความลึกรากประมาณ 30 ซม. และสามารถแตกรากตามข้อที่สัมผัสดินได้ ใบ ใบ เป็นใบเดี่ยว แทงออกบริเวณข้อ มี 2 ใบ อยู่คนละข้างกัน ใบมีสีเขียวสด ใบแก่มีสีเขียวเข้ม เป็นมัน มีขนหยาบปกคลุม เมื่อจับจะรู้สึกสากมือ ก้านใบสั้นจนแทบมองไม่เห็น ขอบใบหยักเป็นคลื่น มี 3 แฉก ใบกว้างประมาณ 2.5 ซม. ยาวประมาณ 5.5 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน ดอก ดอกแทงออกบนซอกใบ ออกมากบริเวณปลายยอด ดอกออกเป็นช่อ มีสีเหลือง มีก้านช่อดอกยาว 4-6 ซม. มีกลีบดอกสีเหลือง เรียงซ้อนสลับกัน 2 ชั้น ชั้นละ 4-5 ใบ กลีบดอกแต่ละกลีบยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ปลายกลีบดอกเว้าเป็น 3 แฉก ถัดไปจะเป็นส่วนดอกที่รวมกันเป็นกระจุก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร ประกอบด้วยดอก 2 ชั้น มีลักษณะเป็นหลอด ชั้นแรก เป็นดอกวงนอกของดอกเพศเมีย มีขนาดใหญ่ ประมาณ 8-10 ดอก ส่วนชั้นในเป็นดอกสมบูรณ์เพศ มีจำนวนมาก และมีขนาดเล็กกว่าดอกเพศเมียวงนอก รวมกลีบดอก และดอกแล้วมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 เซนติเมตร เมล็ด เมล็ดมีขนาดเล็ก กระจุกตัวตรงกลางดอก เมล็ดแก่มีสีดำ เป็นมัน มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยม ปลายแหลม ยาวประมาณ 4 มิลลิเมตร
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น